“แค่ก้าวขาออกจากบ้านก็เสียเงินแล้ว” นี่คงไม่ใช่คำพูดเกินจริง สำหรับมนุษย์กรุงเทพฯ ลองคำนวณเล่นๆ ดูว่าในชีวิตประจำวันของคุณ วันๆ หนึ่งคุณใช้เงินไปเท่าไร
นี่ยังไม่ถึงครึ่งวันก็ควักกระเป๋าไปเกือบ 200 บาทแล้ว แบบนี้ทั้งวันไม่ต่ำกว่า 300 บาทแน่นอน แล้วอย่างนี้จะต้องมีเงินเดือนเท่าไร ถึงจะพอใช้กับค่าครองชีพที่สูงลิบลิ่วในมหานครแห่งนี้
จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ค่าใช้จ่ายของคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน อยู่ที่ 32,000 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับจังหวัดในภูมิภาคอื่นๆ ดังนั้นก่อนที่จะสรุปว่าควรมีเงินเดือนเท่าไร เรามาหาวิธีวางแผนการเงินให้พอใช้ จะได้ไม่สิ้นใจก่อนสิ้นเดือนกันก่อนดีกว่า
“วางแผนการเงิน” ทางออกของมนุษย์เงินเดือน
วินัยทางการเงินคือหัวใจสำคัญของมนุษย์เงินเดือนทุกคน ควรมีการจัดสรรปันส่วนให้ดีตั้งแต่วันแรกที่ได้รับเงินเดือน ซึ่งเราขอแนะนำให้แบ่งเงินเดือนออกเป็น 4 ส่วนดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายจำเป็น 70% ในก้อนนี้จะประกอบไปด้วยค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และหนี้สินต่างๆ
2. เงินออม 20% ควรแบ่งเงินออมออกเป็นสองบัญชีคือ เงินออมที่เก็บไว้ใช้ยามเกษียณ ซึ่งเงินส่วนนี้อาจนำไปลงทุนกับกองทุนต่างๆ เพื่อให้งอกเงย และเงินออมสำหรับใช้ตอนฉุกเฉิน
3. ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง 10% เงินก้อนนี้สำหรับเก็บไว้เป็นค่าเดินทางท่องเที่ยว ค่าสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือค่าเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สำหรับสาวๆ
ตัวอย่างการวางแผนการเงินสำหรับคนเงินเดือน 15,000 บาท
ค่าใช้จ่ายจำเป็น 70% = 10,500 บาท
เงินออม 20% = 3,000 บาท
ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง 10% = 1,500 บาท
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถึงแม้มีเงินเดือนแค่ 15,000 บาท แต่ถ้ามีการวางแผนการเงินที่ดี ก็สามารถอยู่รอดในกรุงเทพฯ ได้เช่นกัน แต่หลายครั้งที่เงินเดือนไม่พอใช้ นั่นเป็นเพราะว่าเราไม่รู้ว่าในแต่ละวันเราใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
“บัญชีรายรับ-รายจ่าย” อุดรอยรั่วทางการเงิน
เมื่อรู้ว่าในแต่ละเดือนเราสามารถใช้เงินได้เท่าไร ควรหารเฉลี่ยเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละวันไว้ เช่น สามารถใช้เงินได้วันละ 300 ก็ใส่เงินสดในกระเป๋าแค่ 300 บาทเท่านั้น แล้วจดค่าใช้จ่ายทุกอย่างลงในสมุดบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้เรารู้ว่าในแต่ละวันเสียเงินกับค่าอะไรมากที่สุด
เมื่อหาต้นตอที่ทำให้เงินไม่พอใช้ได้แล้ว ก็ค่อยหาทางอุดรอยรั่วด้วยการสร้างไลฟ์สไตล์ให้เหมาะกับฐานเงินเดือน เช่น รีบเคลียร์หนี้บัตรเครดิตให้หมด เพราะดอกเบี้ยแพงมาก ทำอาหารกลางวันไปกินที่ทำงานแทนการเข้าร้านหรู ดื่มกาแฟสำเร็จรูปแทนการซื้อกาแฟสดแพงๆ หรือเดินทางด้วยรถเมล์แทนรถไฟฟ้า เป็นต้น
“หารายได้เสริม” อีกหนึ่งทางรอดของมนุษย์กรุงเทพฯ
สุดท้าย เมื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น หรือมีภาระจำเป็นต่างๆ ที่ต้องจ่ายทุกเดือน จนทำให้เงินเดือนไม่พอใช้ การหารายได้เสริมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น การขายของตามตลาดนัดในช่วงหลังเลิกงานหรือวันหยุด และการขายของทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นช่องทางที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ เพราะลงทุนน้อยและสามารถทำที่ไหนก็ได้
ดังนั้นกลับไปที่คำถามเริ่มต้นว่า
อยู่ “กรุงเทพฯ” เงินเดือนเท่าไรถึงจะพอใช้ ?
ลองตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า…
ทุกวันนี้เราบริหารการเงินได้ดีแค่ไหนและมีวินัยมากพอหรือยัง ?
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด